นโยบาย วิสัยทัศน์ พันธกิจ

       ในปีงบประมาณ พ.ศ.2562  สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุตรดิตถ์  เขต 1 ได้กำหนดทิศทางในการพัฒนาการศึกษา ดังนี้

◊ วิสัยทัศน์ (VISION)
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุตรดิตถ์ เขต 1 เป็นองค์กรเข้มแข็ง
"จัดการศึกษาอย่างมีคุณภาพ สู่มาตรฐานสากล บนพื้นฐานของความเป็นไทย"

◊ พันธกิจ (MISSION)   
1. จัดการศึกษาให้มีคุณภาพตามมาตรฐานการศึกษาขั้นพื้นฐาน  และพัฒนาสู่ระดับสากล
2. ส่งเสริม สนับสนุนการจัดการศึกษาให้ประชากรวัยเรียนทุกคน ได้เรียนรู้ตามศักยภาพ ปลูกฝังให้ผู้เรียนเป็นคนดี สำนึกในความเป็นไทย
    และห่างไกลยาเสพติด    
3. พัฒนาและเสริมสร้างสมรรถนะ ครูและบุคลากรทางการศึกษาตามมาตรฐานวิชาชีพพร้อมทั้งส่งเสริมให้มีการวิจัย สร้างองค์ความรู้
    และนวัตกรรมเพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษา
4. บริหารจัดการศึกษาของเขตพื้นที่การศึกษาและสถานศึกษาให้เข้มแข็ง โดยการมีส่วนร่วมของ ทุกภาคส่วนตามหลักธรรมาภิบาล
     ◊  ค่านิยม ( Core   Values )    โปร่งใส   สุจริต   รับผิดชอบ
     ◊  วัฒนธรรม ( Culture )     ยิ้ม ไหว้  ทักทาย  เต็มใจ้บริการ  ทำงานเป็นทีม
     ◊  เป้าประสงค์ (Goals)
    เพื่อให้การจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานของ สพป.อุตรดิตถ์ เขต 1 มีคุณภาพและมาตรฐานระดับสากลบนพื้นฐานของความเป็นไทย
     สพป.อุตรดิตถ์ เขต 1 จึงกำหนดเป้าประสงค์ดังนี้
1. นักเรียนระดับก่อนประถมศึกษา และระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานทุกคน มีพัฒนาการเหมาะสมตามวัย และมีคุณภาพ
2. ประชากรวัยเรียนทุกคนได้รับโอกาสในการศึกษาขั้นพื้นฐานอย่างมีคุณภาพและเสมอภาค
3. ครูและบุคลากรทางการศึกษา มีสมรรถนะตรงตามสายงาน และมีวัฒนธรรมการทำงานที่มุ่งเน้น ผลสัมฤทธิ์
4. สพป.อุตรดิตถ์ เขต 1 และสถานศึกษามีประสิทธิภาพ และเป็นกลไลขับเคลื่อนการศึกษาขั้นพื้นฐาน สู่คุณภาพระดับสากล
5. สพป.อุตรดิตถ์ เขต 1 เน้นการทำงานแบบบูรณาการ มีเครือข่ายการบริหารจัดการ บริหารแบบมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วนในการจัดการ
    ศึกษา และกระจายอำนาจ และความรับผิดชอบสู่สถานศึกษา
◊ ยุทธศาสตร์ของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุตรดิตถ์ เขต 1  :   6 ยุทธศาสตร์ ได้แก่
1. ด้านจัดการศึกษาเพื่อความมั่นคง
2. ด้านการพัฒนาคุณภาพผู้เรียนและส่งเสริมการจัดการศึกษาเพื่อสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน
3. ด้านส่งเสริมพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษา
4. ด้านโอกาสความเสมอภาค และความเท่าเทียม และการเข้าถึงบริการทางการศึกษา
5. ด้านการจัดการศึกษาเพื่อเสริมสร้างคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
6. ด้านการพัฒนาระบบบริหารจัดการและส่งเสริมให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา

                             

                                                 ประวัติจังหวัดอุตรดิตถ์  

คำขวัญประจำจังหวัดอุตรดิตถ์


" เหล็กน้ำพี้ลือเลื่อง เมืองลางสาดหวาน บ้านพระยาพิชัยดาบหักถิ่นสักใหญ่ของโลก"

" ดอกประดู่  ดอกไม้ประจำจังหวัดอุตรดิตถ์ " "ต้นสัก :  ต้นไม้ประจำจังหวัดอุตรดิตถ์ "


ประวัติความเป็นมาจังหวัดอุตรดิตถ์
   อุตรดิตถ์มีความหมายว่าเมืองท่าแห่งทิศเหนือและก่อนจะมาเป็นเมืองท่าสำคัญแต่เดิมอุตรดิตถ์ เคยเป็นเมืองในปกครองของ เมืองพิชัย
อันเป็นเมืองเก่าแก่ ปรากฏชุมชนอาศัยมาตั้งแต่สมัยโบราณ

สมัยก่อนประวัติศาสตร์
   สมัยโบราณก่อน พ.ศ. 1000 ยังไม่มีตัวอักษรใช้กัน แต่อุตรดิตถ์มีคนอาศัยอยู่แล้วเพราะหลักฐานจากการ ค้นพบภาพเขียนสีโบราณ
บนหน้าผา เขาตาพรหม หลังที่ว่า การอำเภอทองแสนขัน และกลองมโหระทึกทำด้วยทองสัมฤทธิ์ ที่ตำบลท่าเสาอำเภอเมือง อุตรดิตถ์
เมื่อปี พ.ศ. 2470 ทำให้ เราทราบว่าอุตรดิตถ์เป็นดินแดนที่มีผู้คนเข้ามาอาศัยอยู่ก่อน พ.ศ. 1000  แล้ว เพราะโบราณวัตถุที่ค้นพบ
ดังกล่าว เป็นโลหะ ที่มีใช้กันอยู่ในยุคสัมฤทธิ์หรือยุคโลหะตอนต้นอันเป็นยุคก่อนประวัติศาสตร์นั่นเอง

สมัยสุโขทัย
   ในสมัยสุโขทัยท้องที่ของจังหวัดอุตรดิตถ์ ได้มี การตั้งเมืองขึ้นหลายเมือง เช่น เมืองฝางหรือเมืองสวางคบุรีเป็นเมืองที่มีชื่อปรากฏ
ในศิลาจารึกของกรุง สุโขทัย เมื่อคราวที่พระมหาธรรมราชาลิไทแห่งกรุงสุโขทัยได้ทรงสร้างพระมหาธาตุที่นคร ชุม ตอนท้ายของศิลา
จารึกได้กล่าวถึง เมืองฝางซึ่งเป็นเมืองหนึ่งของอาณาจักรสุโขทัย และยังเป็นเมืองต่อมาจนถึงสมัยอยุธยาปัจจุบันเมืองฝางอยู่ในท้องที่
อำเภอเมืองอุตรดิตถ์จากการพบตัวเมืองและสถูปมีลักษณะเดียวกับเมืองโบราณสมัยสุโขทัย นอกจากนี้ในกฎหมาย ลักษณะลักพา
ครั้งรัชกาลสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 แห่ง กรุงศรีอยุธยา มีชื่อเมืองทุ่งยั้งอยู่ในทำเนียบด้วย ปัจจุบันอยู่ในท้องที่อำเภอลับแล
เมืองโบราณอีกเมืองหนึ่ง คือ เมืองตาชูชก มีแม่น้ำน่าน เป็นคูเมือง ธรรมชาติมีคำบรรยายลักษณะเมืองในศิลา จารึกสุโขทัย
ปัจจุบันอยู่ในท้องที่อำเภอตรอน

สมัยกรุงศรีอยุธยา
   ตั้งแต่สมัยพระเจ้าอู่ทองสร้างกรุง ศรีอยุธยา เมื่อ พ.ศ. 1893 ปรากฏ เมืองขึ้นถึง 16 เมือง ในจำนวนนี้ มีเมืองพิชัยซึ่งอยู่ใน
ท้องที่อุตรดิตถ์ ในปัจจุบันรวมอยู่ด้วย สมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราชเมื่อทรงยกทัพขึ้น ไปขับไ่ล่ทหารพม่าทางหัวเมืองเหนือ
พระยาสวรรคโลกและพระยาพิชัยแข็งเมืองไม่ยอมเกณฑ์กำลังไปช่วย สมเด็จพระนเรศวรมหาราชจึงจับตัวเจ้าเมืองทั้งสองประหารชีวิต
และกวาดต้อนผู้คนพลเมืองมายังเมืองพิษณุโลกจนสิ้น

สมัยกรุงธนบุรี
      เมื่อปีพ.ศ. 2315 สมัยพระเจ้ากรุงธนบุรี โปสุพลา แม่ทัพพม่า เมื่อเดินทัพผ่านเข้ามาใกล้ชายแดนไทยก็แบ่ง กองทัพเข้ามาตีเอา
เมืองลับแล และยกทัพเลยเข้ามาตีเมือง พิชัย ขณะนั้นไพร่พลเมืองพิชัยยังมีน้อย พระยาพิชัยจึงรักษา เมืองไว้ และขอกำลังเมือง
พิษณุโลกขึ้นไปช่วย เจ้าพระยาสุรสีห์ก็รีบเกณฑ์กองทัพขึ้นไปยังเมืองพิชัยตีค่ายพม่าพระยาพิชัยยกออกมาตีกระหนาบอีกด้านกองทัพ
พม่าต้านทานไม่ไหวก็แตกหนีไปต่อมา พ.ศ. 2316 โปสุพลาแม่ทัพพม่ายกทัพตีเมือง พิชัยอีก แต่ฝ่ายไทยรู้ตัวก่อน เจ้าพระยาสุรสีห์
กับพระยาพิชัยชวนกันยกกองทัพ ซุ่มสกัดทัพพม่า เมื่อกองทัพ พม่ายกมาถึงเจ้าพระยาสุรสีห์กับพระยาพิชัยออก ระดมตีได้รบกัน
เป็นสามารถ ฝ่ายไทยได้ที่ชัยภูมิ ได้เปรียบพม่าตีทัพโปสุพลาแตกกลับไป การรบ ครั้งนี้เมื่อเข้าประจัญบาน พระยาพิชัยถือดาบสองมือ
เข้าไล่ฟันพม่า จนดาบหักเลื่องลือชื่อ เสียงถึงเรียกชื่อกันว่า “พระยาพิชัยดาบหัก” แต่นั่นมา

สมัยรัตนโกสินทร์
   ช่วงรัชกาลที่ 3 เมืองพิชัย ได้กลายเป็นหัวเมือง สำคัญ ได้เมืองขึ้นแผ่ขยายเขตแดนออกไปถึง เมืองเวียงจันทร์ จดแม่น้ำโขง
ต้องตรวจตรารักษาการเมืองแพร่และเมืองน่าน ตลอดจนเมืองหลวงพระบางอันเป็นเมืองหน้าด่าน ขณะเดียวกัน กับตำบลบางโพ
ท่าอิฐซึ่งอยู่ติดแม่น้ำน่าน อันเป็นแม่น้ำ สำคัญสายเดียวที่ใช้ติดต่อค้าขายขึ้นมาได้สะดวกถึงเมืองเหนือด้วย เหนือขึ้นไปสายน้ำตื้นเขิน
มากมายไปด้วยเกาะแก่ง จึงเป็นที่ รวมสินค้าจากเมืองหลวงพระบาง เมืองแพร่ เมืองน่าน ตลอดจน แคว้นสิบสองปันนาก็นำสินค้า
พื้นเมืองเดินบกลงมา จำหน่ายแล้วส่งต่อล่องใต้ไปจนถึงกรุงเทพฯ ในปี พ.ศ. 2430 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า เจ้าอยู่หัว
ทรงเห็นว่าที่ตำบลบางโพท่าอิฐ คงจะเจริญ ต่อไป ในภายหน้า ด้วยเป็นทำเลการค้าอย่างดีริมแม่น้ำน่าน ราษฎรก็อพยพเข้ามาอาศัย
อยู่มากขึ้นทุกปี จึงโปรดให้ตั้งเป็นเมือง อุตรดิตถ์ อันหมายถึง เมืองท่าแห่งทิศเหนือ และโปรดให้ อุตรดิตถ์เป็นเมืองขึ้นของเมืองพิชัย
ต่อมาในปี พ.ศ. 2442 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้โปรดให้ย้าย ศาลากลางเมืองพิชัยไปตั้งบังคับบัญชาที่เมือง
อุตรดิตถ์ เวลานั้นอุตรดิตถ์ได้กลายเป็น ชุมชนขนาดใหญ่กว่าเมือง พิชัยเสียอีก ปี พ.ศ. 2458 จึงโปรดให้เปลี่ยน นามเมืองพิชัยเป็น
เมืองอุตรดิตถ์เป็นต้นมา จนปัจจุบัน

ที่ตั้งและอาณาเขต The Location and Boundary
   อุตรดิตถ์เป็นจังหวัดหนึ่งในภาคเหนือตอนล่างในแดนล้านนาตะวันออก อยู่ห่างจากกรุงเทพฯ โดยทางรถยนต์ 491 กิโลเมตร และ
โดยทางรถไฟ 485 กิโลเมตรมีเนื้อที่กว้างประมาณ 7,838.592 ตารางกิโลเมตร หรือประมาณ 4,899,120 ไร่ มีอาณาเขตติดต่อกับ
จังหวัดใกล้เคียงดังนี้
- ทิศเหนือ ติดกับ จังหวัดแพร่และจังหวัดน่าน
- ทิศใต้ ติดกับ จังหวัดพิษณุโลก
- ทิศตะวันออก ติดกับ จังหวัดพิษณุโลก - และจังหวัดเลยและสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว
  โดยเขตชายแดนยาวประมาณ 135 กิโลเมตร
- ทิศตะวันตก ติดกับ จังหวัดสุโขทัย

Uttaradit Province is a province in the lower part of the northern region in the Eastern Lanna Territory 491
kilometers by drive away from Bangkok, having an area of 7,838.592 square kilometers or 4,899,120 rai
and having its boundary as follows:
North :  bordering with Phrae Province and Nan Province .
South : bordering with Phitsanulok Province .
East :   bordering with Phitsanulok Province , Loei and Democractic peoples Republic
             of  Laos for a distance of approximately 135 kilometers.
West :  bordering with Sukhothai


สภาพภูมิอากาศ The Climatic Condition
   จังหวัดอุตรดิตถ์ได้รับอิทธิพลจากกระแสลมมรสุมตะวันออก เฉียงเหนือ และตะวันตกเฉียงใต้ มีความชื้น และความร้อนสูง ในฤดูร้อน
อากาศจะร้อนจัด อุณหภูมิเฉลี่ย 35 องศาเซลเซียส อากาศ เย็นสบายในฤดูหนาวและมีฝนตกชุกในฤดูฝน ปริมาณน้ำฝนของจังหวัด
อุตรดิตถ์ระหว่างปี 2546 ถึง 2549 จะอยู่ช่วง 1,216.0 มิลลิเมตร ถึง 2,241.0 มิลลิเมตร ฝนตกมากที่สุดในปี 2542 วัดได้1,695.9
มิลลิเมตร จำนวนวันฝนตก 124 วัน ส่วนฝนตกน้อยที่สุดใน ปี 2541 วัดได้ 1,216.0 มิลลิเมตร จำนวนวันฝนตก 121 วัน
It is influenced by the northeast and southwest monsoon, having a high degree of humidity and heat. In the
hot season the weather is extremely hot; the average temperature is 35 degrees celsius. The weather is
comfortably cool in winter and rainy in the rainy season.


สภาพภูมิประเทศ Topoqraphy
แบ่งได้เป็น 3 ลักษณะ คือ
ที่ราบลุ่มแม่น้ำน่าน บริเวณสองฝั่งของแม่น้ำน่าน และลำน้ำสาขาที่ไหลมาบรรจบกับแม่น้ำน่าน สภาพพื้นที่ส่วนใหญ่ค่อนข้างราบเรียบ
อยู่ในเขตอำเภอตรอน พิชัย และบางส่วนของอำเภอเมืองอุตรดิตถ์ลับแลและทางแสนขันที่ราบระหว่างหุบเขา และบริเวณลูกคลื่นลอนลาด
บริเวณที่อยู่ต่อเนื่องจากบริเวณที่ราบลุ่มแม่น้ำทางด้านเหนือและด้านตะวัน ออกของจังหวัด ประกอบด้วยที่ราบแคบ ๆ ระหว่างหุบเขา
ตามแนว คลองตรอน แม่น้ำปาดคลองแม่พร่อง ห้วยน้ำไคร้ และลำธารสาย ต่าง ๆ สลับกับภูมิประเทศเป็นเขาในเขตอำเภอเมืองอุตรดิตถ์
ลับแล น้ำปาด ฟากท่า และบ้านโคก เขตภูเขาและที่สูง มีพื้นที่ประมาณครึ่งหนึ่งของจังหวัดอยู่ในบริเวณทางด้านเหนือ และทางตะวันออก
ของจังหวัด โดยเฉพาะเขตอภำเภอเมืองอุตรดิตถ์
The topography of Uttaradit comprises: The Nan basin plains are located in Tron district, Phichai district, Mueang
Uttaradit district, Lablae district and Thong Saen Khan district.Valley & wavy slope plains, situated north and east
of the province, lie between valleys along the Tron Cannal, Pat river, Mae Phrong canal, Nam Krai stream and
brooks.Highlands & mountains, located north and east of the province, particularly in Ban Khok district, Fak Tha
district, Nam Pat district, The Pla district, Lablae district and Mueang Uttaradit district.


การเมืองการปกครอง Goverment
การปกครองส่วนภูมิภาค
จังหวัดอุตรดิตถ์แบ่งพื้นที่เพื่อการบริหารราชการ ส่วนภูมิภาคเป็น 9 อำเภอ 67 ตำบล 613 หมู่บ้านโดยมีอำเภอดังนี้

  1. อำเภอเมืองอุตรดิตถ์ (Mueang Uttaradit)
  2. อำเภอตรอน (Tron)
  3. อำเภอท่าปลา (Tha Pla)
  4. อำเภอน้ำปาด (Nam Pat)
  5. อำเภอฟากท่า (Fak Tha)
  6. อำเภอบ้านโคก (Ban Khok)
  7. อำเภอพิชัย (Phichai)
  8. อำเภอลับแล (Laplae)
  9. อำเภอทองแสนขัน (Thong Saen Khan)

การปกครองส่วนท้องถิ่น
จังหวัดอุตรดิตถ์แบ่งพื้นที่เพื่อการบริหารราชการองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 4 ประเภท ประกอบด้วย

  • องค์การบริหารส่วนจังหวัด 1 แห่ง
  • เทศบาลเมือง 1 แห่ง
  • เทศบาลตำบล 16 แห่ง
  • องค์การบริหารส่วนตำบล 62 แห่ง

การเมือง
  จังหวัดอุตรดิตถ์ แบ่งเขตการเลือกตั้งออกเป็น 1 เขต และมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2 คน และสมาชิกวุฒิสภา 2 คน

สภาพทางเศรษฐกิจ The Economic Condition
  จังหวัดอุตรดิตถ์มีผลผลิตสาขาที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจของจังหวัดคือ สาขาการเกษตร รองลงไปคือ การอุตสาหกรรม การประมงและ
การพาณิชย์
- พืชเศรษฐกิจของจังหวัดที่สำคัญคือ ลางสาดมีการปลูกมากที่สุดในประเทศ นอกจากนี้ก็มี ทุเรียน  เงาะ มังคุด สับปะรด ลำไย 
   ส่วนพืชไร่ที่เป็นพืชเศรษฐกิจคือ ข้าวอ้อย ข้าวโพด กระเทียม ถั่วต่างๆ   และยาสูบ เป็นต้น
- มีพื้นที่ปลูกอ้อยมากเพราะมีโรงงานน้ำตาลถึง 2 แห่ง มีโรงงานผลิตภัณฑ์อาหารกระป๋อง
- มีการทำอุตสาหกรรมในครัวเรือนหลายอย่างเช่น การทำไม้กวาดตองกง การทอผ้า การจักสาน   เครื่องใช้ ไม้ไผ่ การทำเครื่องปั้น
   ดินเผา  การตีเหล็กทำเครื่องใช้เกษตรกรรมและทำมีด เป็นต้น
- สภาพความคล่องตัวของเศรษฐกิจ ส่วนใหญ่จะอยู่ในเขตเมืองอุตรดิตถ์ อำเภอลับแล อำเภอพิชัย มีธนาคารพาณิชย์คอยให้บริการ
   อยู่หลายแห่ง จากสภาพทั่วไปแล้วจังหวัดอุตรดิตถ์มีค่าครองชีพ ของประชากรอยู่ในระดับ ปานกลาง
The output field highly affecting the economy of Uttaradit Province is the field of agriculture; the next are
fishing and commerce, Major cash crops of the province are Langsat, which is grown here more than elsewhere
in the country, durian, rambutan and mangos teen, pineapple, longan while major farm cash crops are rice,
sugarcane, corn,beans, garlic, onion and tobacco. Sugarcane cultivation occupies a large area because there
are two sugar refineries. There are canned food product factories and several kinds of cottage industry,
broom-making, cloth-weaving, bamboo basketry, pottery, steel production for making farming tools and knives.
The state of economic mobility would in large part be in the areas of Mueang Uttaradit District, Lablae District
and Phichai District and there are several commercial bank branches. From the general situation, the cost of
living of the people of Uttaradit Province is at the medium level.


ทรัพยากรธรรมชาติ
Natural Resources

        จังหวัดอุตรดิตถ์มีทรัพยากรป่าไม้ที่สมบูรณ์ มี ทรัพยากรแร่ธาตุหลายชนิด เช่น แร่พลวง เหล็ก ทองแดง ยิปซั่ม ใยหิน ดินขาว ทัลค์
แต่ยังไม่ได้นำไปใช้ในทางเศรษฐกิจ และมีแหล่งน้ำธรรมชาติ ที่สำคัญ ได้แก่ แม่น้ำน่าน ไหลผ่านเขตจังหวัดเป็นระยะความยาวถึง160
กิโลเมตร แม่น้ำปาด ห้วยพูล คลองแม่พร่อง ห้วยน้ำพี้ คลองตรอน ห้วยน้ำลอก นอกจากนั้นมีเขื่อนและฝาย กักเก็บน้ำเพื่อการชลประทาน
คือ เขื่อนสิริกิติ์ ฝายสมเด็จฯ ฝายหลวงลับแล และ ซึ่งเป็นฝายแรกของประเทศไทย
There are fertile forests in Uttaradit. There are also several kinds of minerel resources, e.g. antimony, iron, copper,
gypsum, stone fiber, kaolin, tale, still remaining unutilized for economic purposes, however, the and its major natural
water sources are the Nan River, which runs through its boundary for a distance of 160 kilometers; the Pat River,
Huay Phlu Brook, Mae Phrong Stream, Nam Phi Brook, Tron Stream and Nam Lok Brook. In addition, it has dams
and weirs storing water for irrigational purposes, e.g. ' Sirikit Dam, Som dej pra Srinakharindra Weir, Luang Lablae
Weir which is the first weir of hailand.


ประชากร
Population

   ในปี 2553 จังหวัดอุตรดิตถ์มีประชากรมีประชากรทั้งสิ้น 462,651 คน เป็นชาย 228,268 คน เป็นหญิง 234,383 คน
(ข้อมูล ณ เดือน กรกฎคม 2553)
   In 2010 Uttaradit Province had a total population of 462,651 , male of 228,268 people and female of 234,383
people (Update July 2010)

                                                                                                                                        (ขอขอบคุณ ข้อมูลจาก ปชส.จ.อุตรดิตถ์ )

                                                        

                                                       ประวัติ สพป.อุตรดิตถ์ เขต 1

ประวัติสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุตรดิตถ์  เขต  1
 
    ตามพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ  พ.ศ.2546  มีผลบังคับใช้ตั้งแต่  วันที่ 7 กรกฎาคม 2546 เป็นต้นไป
ทำให้โครงสร้างของ หน่วยงานในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ  มีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ในพื้นที่จังหวัดอุตรดิตถ์ กำหนดให้มี 2 เขตพื้นที่
การศึกษา  ดังนี้
- สพป.อุตรดิตถ์ เขต 1 ประกอบด้วย : 1.อ.เมืองอุตรดิตถ์  2.อ.ตรอน 3.อ.พิชัย 4.อ.ลับแล 5.อ.ทองแสนขัน
- สพป.อุตรดิตถ์ เขต 2 ประกอบด้วย : 1.อ.ท่าปลา 2.อ.น้ำปาด 3.อ.ฟากท่า 4.อ.บ้านโคก

ที่ตั้งของสำนักงาน
   เดิมเป็นที่ตั้งของ สำนักงานศึกษาธิการจังหวัดอุตรดิตถ์ เลขที่ 91/7 ถนนพาดวารี ต.ป่าเซ่า อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์
   รายนามผู้ดำรงตำแหน่งผู้บริหารสำนักงาน ดังนี้

ตำแหน่ง ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุตรดิตถ์ เขต 1
       1. นาย   สนอง          เครือมาก          7 ก.ค. 2546   -   18 ก.ค. 2547     
       2. นาย   ทวีศักดิ์      จารุชาต           18 ก.ค. 2547  -  30 ก.ย. 2547
       3. นาย   เรืองฤทธิ์   วรจิต                22 ธ.ค. 2547  -  30 ก.ย. 2549
       4. นายุ   สนอง         เครือมาก           1 พ.ย. 2549   -   30 ก.ย. 2550
       5. นาย   กิตติพงศ์     พิพัฒน์ศิวพงศ์   1 ต.ค. 2550   -  2 พ.ย. 2553
       6. นาย   ประพฤทธิ์   สุขใย                3 พ.ย. 2553  -   7 ต.ค. 2557
       7. นาย   อมรศักดิ์     ปิ่นทอง             2 ต.ค. 2557  -   31 พ.ค. 2560
       8. นาย   ชัชชัย    ทับทิมอ่อน             2 ต.ค. 2560  -   ปัจจุบัน

read more

สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุตรดิตถ์ เขต 1 | เลขที่ 91/7 หมู่ 3 ถนนพาดวารี ต.ป่าเซ่า อ.เมือง จ.อุตรดิตถ์ 53000 | Tel 0-5581-7760 | Fax 0-5581-7759

E-Mail : somwan2004@obecmail.obec.go.th , wanyasomboon@gmail.com

Design by somboon wanyanaporn : 08-1284-8059